top of page
รูปภาพนักเขียนGems Story น้ำหนึ่งเจมส์

🟢 พลอยบุษย์จันท์: ทำไมคนจึงชอบเรียกว่า "เขียวเผา"

อัปเดตเมื่อ 29 ก.ย. 2564


ย้อนรอย Timeline

‼️บุษราคัม จันทบุรี

ทำไมคนจึงชอบเรียกว่า "เขียวเผา"?


🎈ครั้งหนึ่งที่ผมเคยเขียนเรื่อง “พลอยเขียวส่องจันทบุรี” และ “การเผาใหม่ของพลอยทับทิมอุดแก้วตะกั่วไป”

.

มาวันนี้จึงอยากสะท้อนเรื่องราว ตำนานพลอยบุษราคัมจันทบุรี (บุษย์จันท์) เพราะยังมีบางส่วนของเรื่องราวที่เกี่ยวพันกัน

📍พลอยบุษราคัม หรือที่เรารู้จักกันดี ในชื่อทางการค้าว่า “Yellow Sapphire” นั้น

ในประเทศไทย มีการขุดพบที่ อ.บางกะจะ จ.จันทบุรี และที่ จ. กาญจนบุรี มาแต่โบราณ และวันนี้ผมอยากเล่าเจาะลึกเรื่องราวพลอย “บุษย์จันท์” โดยเฉพาะให้ได้ฟังกัน

.

เรื่องราวการทำเหมืองพลอยที่จันทบุรีนั้น ว่ากันว่าถ้าได้ขุดพบพลอยบุษราคัมที่ใด ก็มักจะพบพลอยเขียวส่อง (Green Sapphire) อยู่บริเวณนั้นเช่นเดียวกัน เพราะความที่พลอยทั้งสองชนิดนี้ ล้วนอยู่ในกลุ่มสายแร่ชนิดเดียวกัน



แต่เดิมในอดีต ความนิยมตัวพลอยบุษราคัมนั้นก็มีมากกว่าพลอยเขียวส่องหลายเท่านัก

.

เมื่อความต้องการพลอยบุษราคัมในตลาดมีสูงกว่า และยิ่งต้องพบว่า

.

📍ปริมาณการขุดเจอ “บุษย์จันท์” นั้น มีน้อยมากจนเกือบหมดไป

📍ราคาพลอย “บุษย์จันท์” ในช่วงเวลานั้น ก็สูงมากอย่างน่าใจหาย

🎈 ผมยังจำได้ถึงคำบอกเล่า ที่มาจากคนทำพลอยรุ่นเก่าๆที่มักเคยเล่าให้ฟังว่า

“แค่บุษราคัมจันท์เม็ดเล็กๆ สวยๆ คุณภาพดีๆ ที่มีน้ำหนักเพียง 3-4 กะรัตก็มีราคาขึ้นหลักแสนเสียแล้ว” (หลักแสนในสมัยก่อนก็ช่างต่างจากหลักแสนในปัจจุบันเหลือเกิน)

และสมัยนั้นเอง…

ก็ยังมีซื้อขาย “พลอยบุษราคัม แบบดิบ” หรือเป็นแบบ “พลอยสด” กันอยู่ เพราะชาวบ้านต่างก็ยังไม่รู้จักวิธีการเผาพลอยกัน

.

⭕️ จนยุคต่อมา…

เมื่อเริ่มค้นพบและพัฒนาวิธีการเผาพลอยได้

📍พลอยบุษราคัมจันท์ เผาเก่า หรือเผาแบบโบราณจึงเกิดขึ้น

แต่อย่างไรก็ยังมีออกมาให้พบเห็นในท้องตลาดไม่มากนัก

.

📍สาเหตุเพราะ…

“วัตถุดิบพลอยก้อนสีเหลือง” ที่ไม่ค่อยมี ซึ่งทำให้ราคาพลอยบุษราคัม จันทบุรีในช่วงเวลานั้นสูงต่อเนื่องโดยตลอดเช่นกัน

.

.

⭕️ ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนี่เอง...

ก็เป็นช่วงเวลาที่เริ่มมีพลอยก้อน “บุษราคัมจาก ประเทศศรีลังกา” หรือที่คนไทยมักคุ้นเรียกกันว่า “บุษย์ ซีลอน” ได้ถูกนำเข้ามาเผาที่จันทบุรี (แหล่งรวมภูมิปัญญาการเผาพลอยมาแต่โบราณ)

.

การเผาพลอยด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านแบบเก่า (เผาเก่า) ได้ช่วย…

📍ทำให้การเผาพลอย ”บุษย์ ซีลอน” ที่แต่เดิมเป็นพลอยสีเหลืองโทนอ่อน (โทนสีบุษย์น้ำเพชร)สามารถถูกเผาได้ จนสวยสว่างขึ้นมาเป็นพลอยสีโทน “บุษย์น้ำทอง บุษย์น้ำโขง และ โทนสีหมากสุกได้”

📍และด้วยลักษณะเด่นของ “สีพลอย” บุษย์ ซีลอน ซึ่งเป็นพลอยสีสด สีเปิดโปร่ง...

ทำให้ “พลอยบุษย์ ซีลอน” เข้ามาครอบครองความนิยมในใจคนไทยอย่างรวดเร็ว

🎈 ถ้าใครสะสมพลอยมานาน ยังคงจำกันได้ถึงช่วง 20-30 ปีก่อน ที่ทุกคนมักถามหากันแต่ “บุษย์ ซีลอน”

.

และช่วงเวลานั้น…

ก็จัดเป็นช่วงยุคทองของ “พลอยบุษย์ ซีลอน” ที่ขายได้ราคาดีกันเลยทีเดียว

.

.

⭕️ ต่อมาช่วงราวๆปี 2544 หรือเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ก็เป็นอีกช่วงเวลาสำคัญสำหรับคนในวงการพลอยที่ต้องจดจำ

.

📍เมื่อปรากฎว่า…

มีผู้เผาพลอยที่สามารถค้นพบ “การเผาพลอยรูปแบบใหม่” ได้โดยบังเอิญ

.

และผมขอเรียกกรรมวิธีการเผาพลอยแบบนี้ว่า

‼️ ”การเผา Be” ‼️

ที่อยากเน้นย้ำว่าเป็นเรื่อง "ความบังเอิญ" นั้นเป็นเพราะว่า

.

📍เมื่อผู้เผาพลอยได้เผาอบพลอยเนื้ออ่อนบางชนิดจนเสร็จ ซึ่งนั่นก็รวมถึงกลุ่มพลอยเนื้ออ่อนตระกูลคริสโซเบอริลซึ่งปะปนรวมอยู่ด้วย

.

ต่อมาเมื่อผู้เผาพลอยนำพลอยเนื้ออ่อนชุดนั้นที่เผาเสร็จแล้ว ออกจากเบ้าเผา และแล้ว

ด้วยความบังเอิญ

ก็นำ “พลอยเนื้อแข็ง” ที่มีหลากหลายสี (ซึ่งได้เตรียมไว้แล้ว) เพื่อจะใส่ใน “เบ้าเผาพลอย” อันเดิม และตั้งใจว่าจะเผาพลอยชุดใหม่ที่ว่านี้... ต่อไปจนเสร็จ

.

ครั้นพอเสร็จได้รอบการเผาแล้ว... ก็เปิดเบ้าเผาพลอยออก เพื่อตรวจสอบ

.

ทันใดนั้นเอง ก็พบกับ...

‼️ความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น

📌 “พลอยเนื้อแข็ง” ที่ผ่านการเผาจาก “เบ้าเผาพลอย” นั้น ต่างมีความสวยงามของสีสันที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

.

พลอยเนื้อแข็งหลายๆสี หลากหลายชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี “พลอยเขียวส่อง” รวมอยู่ด้วย และเป็นที่ประจักษ์ในเวลานั้นว่า…

.

📍พลอยที่เผาเสร็จ ต่างมีโทนสีออกแกมเหลือง แกมส้ม เพิ่มขึ้น

.

จึงทำให้ในเวลาต่อมา ได้ลองเผาพลอย แบบลองผิด ลองถูก จนเป็นที่มาของการค้นพบความลับในภายหลังว่า...

📍“เบ้าเผาพลอยเดิมที่เคยเผาพลอยเนื้ออ่อนนั้น มีธาตุเบอริเลียม (Be) อยู่ ซึ่งธาตุดังกล่าว เป็นธาตุองค์ประกอบหนึ่งที่อยู่ในพลอยเนื้ออ่อน ชนิดคริสโซเบอริล ซึ่งตกค้างในเบ้าเผาพลอยก่อนหน้า” 

⭕️ ธาตุเบอริเลียม (Be) นี้เป็นธาตุเบา (Light Element) ไม่มีสี และเกิดอยู่ในธรรมชาติเดิมอยู่แล้ว

.

และยังเป็นธาตุองค์ประกอบหนึ่งในพลอยคริสโซเบอริล (BeAl2O4) มาแต่เดิม

.

ซึ่งพลอยคริสโซเบอริลก็เป็นพลอยธรรมชาติอยู่แล้ว จึงไม่ใช่สารเคมีที่เกิดจากมนุษย์ตั้งใจทำขึ้นแต่อย่างใด

.

และพบต่อมาว่า...

ธาตุBe นี่เองยังมีความพิเศษตรงที่

.

📍ช่วยเร่งปฏิกิริยาของการเผาพลอย เมื่อเพิ่มอุณหภูมิภายในของเบ้าเผาพลอยให้สูงขึ้น

.

(ซึ่งต่อมาห้องแลปเอง ก็เคยพิสูจน์ และนิยามการเผาพลอย Be นี้ว่าเป็น High Temperature Heated ไว้เช่นกัน)

.

📍เมื่อได้เพิ่มอุณหภูมิภายในของเบ้าไฟสูงขึ้น จนอุณหภูมิสูงถึงจุดๆหนึ่ง

.

📌 ปฏิกิริยาที่ว่านี้จะช่วยกด “โทนสีน้ำเงิน” ซึ่งเป็นโทนสีที่อยู่ในพลอยเขียวส่องไม่ให้เกิดการแสดงสีออกมา

.

ดังนั้น “โทนสีเหลือง” ซึ่งมีอยู่ใน “พลอยเขียวส่อง” นั้น จึงได้ปรากฎสีเหลืองออกมาได้เต็มที่

.

ภาพของ “พลอยเขียวส่อง” ที่เห็น จากเดิมเป็นพลอยสีเขียว จึงได้เปลี่ยนให้เราเห็นเป็นพลอยสีเหลือง (บุษจันท์) นั่นเอง


🎈อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัย หรือค้านในใจกันว่า มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?

.

📍เหตุผลเพราะ…

“พลอยเขียวส่อง” ประกอบด้วย เชื้อสีที่มีโทนสีน้ำเงิน + โทนสีเหลืองในตัวพลอย

🎈 อธิบายในมุมหลักทางวิทยาศาสตร์ ว่าด้วยเรื่องของการผสมแม่สีที่ว่า

.

สีเขียว” เกิดจากการผสมของสีน้ำเงิน + สีเหลือง

.

ดังนั้นเมื่อโทนสีน้ำเงินถูดกดไม่ให้แสดงออกมาได้ พลอยจึงคงเหลือแต่โทนสีเหลือง ที่ปรากฏออกมาให้เราเห็น

(คงพอเห็นภาพนะครับ)

.

แต่ก็ใช่ว่าทุกเม็ดของพลอยเขียวส่องนั้นจะทำได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับ *เชื้อสีที่มีอยู่ในพลอยอีกด้วยเช่นกัน

.

.

นอกจากนี้ ธาตุ Be ยังช่วยเร่งปฎิกิริยาได้ดี กับพลอยที่มีองค์ประกอบของธาตุเหล็ก (Fe) สูง

ดังนั้นจึงมีเพียงแค่พลอยจากบางเหมืองเท่านั้นที่การเผา Be สามารถช่วยเร่งปฏิกิริยาได้ดี ดังเช่น

🔹 พลอยเขียวส่อง จากเหมืองจันทบุรี
🔹 พลอยสีส้มจากเหมือง Songea ประเทศแทนซาเนีย และ
🔹 พลอย สีชมพู (Pink Sapphire) เหมือง ilakaka ประเทศมาดาร์กัสการ์

ดังนั้นเราจึงเห็นการเผาพลอย Be กับพลอยแค่เพียงบางชนิด และมาจากแค่บางเหมืองเท่านั้น

.

เพราะสาเหตุดังที่ว่ามานี้นี่เอง จึงเป็นความพิเศษที่ธรรมชาติจัดสรรมาให้ครับ

.

ความมหัศจรรย์ของการคิดค้นการเผา Be ที่ว่านี้ คือปรากฎการณ์ใหม่ต่อวงการ “การเผาพลอย” ที่ว่า

📌 สามารถชุบชีวิต “พลอยบุษราคัม จันทบุรี” ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ความดีใจกับการคิดค้นด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านนี้... ก็อยู่ได้เพียงไม่นาน

.

เพราะช่วงระยะแรกๆของการค้นพบนี้ ตลาดยังไม่ยอมรับกับการเผาด้วยธาตุเบอริเลียมเลย เพราะยังอยู่ในช่วงการศึกษาทดลองว่า

.

📍ภายหลังจากนี้…

“สีของพลอย” จะมีการถดถอยหรือเปลี่ยนแปลงมากน้อยขนาดไหน และที่สำคัญ

📍“การเผา Be” ในยุคแรกนั้น ยังพัฒนาการเผาพลอยได้ไม่สมบูรณ์

🎈 ถ้าใครสะสมพลอยในยุคนั้น คงพอจำกันได้ถึง…

.

⭕️ “ร่องรอยจ้ำสีเขียว” ที่มีในเนื้อพลอยสีเหลือง และสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน

.

และสาเหตุนี้นี่เอง ที่เป็นเหตุการณ์ช่วงเริ่มต้นของปัญหา ที่ผมจะมาเล่าให้ฟัง...


⭕️ เมื่อพลอยบุษจันท์ (เผาBe) ชุดแรกๆ เริ่มถูกขายออกไปสู่ต่างประเทศ

.

หลายๆเม็ดที่ยัง “เผา Be ได้ไม่สมบูรณ์” ได้ถูกนำเข้าตรวจสอบยังห้องแลปชื่อดังในต่างประเทศ

.

.

🎈 สมัยนั้นเรื่องการเผา Be ยังเป็นเรื่องใหม่ (ของโลก)

.

ห้องแลปเองก็ยังไม่มีเครื่องมือทดสอบ LIBS (เครื่องใช้ตรวจหาธาตุ Be ที่ห้องแลปใช้ในปัจจุบัน)

.

และยังขาดองค์ความรู้ในการตรวจวิเคราะห์พลอยประเภทเผา Be เพราะถือเป็นเรื่องใหม่ของโลกในเวลานั้น

.

.

ดังนั้นเมื่อห้องแลปได้ตรวจ วิเคราะห์และเชื่อว่า...

.

📍กรรมวิธีการเผานี้ คล้ายวิธีการทำดีฟิวชั่น (Diffusion) หรือ การซ่าน “สีพลอย” จากแหล่งสีที่อยู่ภายนอก

.

(อธิบายง่ายๆคือ การแพร่สี จากข้างนอกเข้าไปในเนื้อพลอย หรืออธิบายแบบภาษาชาวบ้าน ก็คล้ายๆการย้อมสีนั่นเอง)

.

ซึ่งถ้าเป็นกรรมวิธี (Diffusion) แบบนี้ ตลาดย่อมต้องไม่ยอมรับแน่ เพราะสีจะไม่คงทนถาวร และสีที่เราเห็นก็ไม่ได้เป็นสีที่มาจากธรรมชาติของตัวพลอยเอง

.

.

🎈ในเวลานั้น ผมยังจำได้ว่าห้องแลปในต่างประเทศ ต่างได้ลงความเห็นการเผา Be นี้ไว้ว่า

.

นี่คือการทำ…

📌 “Bulk Diffusion”

(การย้อมสีพลอยแบบทั้งก้อนพลอย)

.

ในขณะที่ห้องแลปไทยบางสถาบัน ได้ลงความเห็นไว้ด้วยว่า

.

📌 “The colour is modified from external source”


(สีของพลอย ได้ถูกทำมาจากแหล่งภายนอก)

.

แค่ได้เห็น “ความคิดเห็น” ดังกล่าว และยิ่งถ้าได้เคยเรียน และเป็นนักอัญมณีศาสตร์มา

.

จะยิ่งรู้สึกกลัวต่อความคิดเห็นที่ถูกกล่าวถึงนี้ในเชิงลบ

เพราะความหมายมันหนักมาก

.

.

🎈ผมเข้าใจว่าช่วงเวลานั้น องค์ความรู้ใหม่ๆ ยังไม่มี และยังเป็นเรื่องใหม่ของโลก

.

📍ส่วนสาเหตุที่ห้องแลปต่างลงความเห็นดังกล่าว ผมเชื่อว่าก็คงเป็นเพราะ การพบ...

“จ้ำสีเขียว” ที่อยู่ใจกลางเนื้อพลอยบุษย์ สีเหลือง

ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ปักใจเชื่อ รวมถึงหลักฐานอื่นที่บ่งชี้ว่า...

"พลอยถูกเผามาที่อุณหภูมิสูงจัด" อย่างผิดแผกแตกต่างจากอุณหภูมิการเผาแบบเก่า

🎈แน่นอนครับว่า

ผลจากการตรวจ วิเคราะห์และให้ความเห็นดังกล่าวจากห้องแลปชื่อดังในต่างประเทศ

.

📍ส่งผลให้พลอยบุษย์จันท์ ถูกตีคืนจากคู่ค้าเพราะความกังวลใจ รวมถึงยังถูกโจมตี และต่อต้านจากคู่แข่งทางธุรกิจในต่างประเทศที่กำลังสูญเสียตลาดพลอยในเวลานั้น

.

จนเป็นที่มาของการเรียกร้องจากต่างประเทศให้ฝ่ายไทยยอมเปิดเผยรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการเผา Be เพื่อแลกกับการตรวจสอบวิเคราะห์ และเปลี่ยนการลงความเห็นใหม่

.

.

📍แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า…

ขั้นตอน รายละเอียด และวิธีการเผา Be ถือเป็น

.

📌 “ความลับทางการค้า” ของการเผาพลอย และเป็นนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งปกติก็ไม่มีใครจะเปิดเผยสูตรการเผาพลอยออกมาอยู่แล้ว

.

.

🎈เรื่องราวนี้โด่งดังไปทั่วโลก และสร้างแรงต่อต้านการซื้อ “พลอยเผา Be” จากคู่ค้าต่างประเทศในวงกว้าง

.

ช่วงเวลานี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่ซ้ำเติมพลอยบุษย์จันท์ และพลอยอื่นๆที่เผา Be ให้มีราคาต่ำเตี้ยติดดินเลยทีเดียว

‼️แน่นอนที่ว่า แล้วมุมนี้ใครจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงสุด

🎈ผมเองยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้เสมอ กับเพื่อนร่วมอาชีพที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งท่านได้เล่าให้ฟัง

.

📍ผู้ที่รับผลกระทบหนักๆหน่อยก็จะเป็น

“คนทำพลอยสำเร็จ”

(*คือคนที่ซื้อขายพลอยในรูปแบบพลอยที่เจียระไนเสร็จแล้ว)

.

📌 ปัญหาตอนนั้นคือ…

“คนเผาพลอย” ได้ขายพลอยออกมาโดยที่ไม่ได้บอกที่มาของการเผาแบบใหม่นี้

.

(ผมเองก็เข้าใจในมุมของคนเผาพลอยว่า ก็เพราะเป็นภูมิปัญญา และเป็นความลับกันอยู่ และคงไม่อยากเผยเพื่อสร้างคู่แข่งในการเผารูปแบบใหม่นี้)

.

ดังนั้นช่วงแรกๆ ที่ “พ่อค้าพลอยสำเร็จ” ยังดูพลอยไม่รู้

(*การดู เผาBe ด้วยตาเปล่า ยังมีความผิดพลาดสูงมาก)

.

พ่อค้าพลอยเองต่างก็ซื้อเข้าสต๊อกกันยกใหญ่ พลอยออกมาเท่าไหร่ก็กวาดซื้อกันจนหมด

.

ส่วนคนเผาพลอยเอง เมื่อเผาพลอยออกมาได้เท่าไหร่ ก็ขายกันจนหมดเกลี้ยง และรีบเร่งเผาพลอยชุดใหม่เพื่อทำรอบการขายเพิ่มขึ้น จนเป็นที่มาของ...

‼️การเผาพลอยที่ไม่สมบูรณ์

(รอยจ้ำเขียว ในพลอยเหลือง จึงเกิดจากการเผาพลอยโดยเมื่อยังไม่ครบรอบการเผา ก็รีบนำออกมาขาย เพราะกลัวขายไม่ได้ราคา)

.

⭕️ การซื้อขายพลอยในช่วงแรกๆนี่เอง ที่ซื้อกันด้วยความไม่รู้ จึงซื้อขายกันในราคาที่สูงเกินจริง

.

แต่เมื่อคู่ค้าต่างประเทศ (*ที่ค้าขายกันมานาน) เริ่มตีคืนสินค้ากลับมา ก็เกิดภาวะ…

‼️ตลาดช็อค และราคาพลอยก็ร่วงติดดิน

สิ่งเหล่านี้ทำให้ “คนทำพลอยสำเร็จ” ยุคนั้นเจ๊งกันไปหลายราย

.

🎈ส่วนในมุมของตลาดการขายส่งร้านจิวเวลรี่ภายในประเทศนั้น ก็เกิดภาวะช็อคกันทั้งวงการเช่นกัน

.

⭕️ ทุกครั้งที่ผมขายส่งพลอยเข้าตามร้านจิวเวลรี่

.

ถ้าเป็น “บุษย์จันท์” ทุกคนต่างปฏิเสธที่จะดูหรือถามถึงราคา แต่ถ้ามีใครได้ดู จะพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า

.

📍พลอยสวย เนื้อพลอยดีมาก บางร้านพอได้ดูแล้วยังบอกกลับมาด้วยว่า

“รู้ไหม พลอยบุษย์จันท์สวยๆแบบนี้ สมัยก่อนเขาขายกันแพงแค่ไหน? มีเงินยังหาซื้อกันไม่ได้เลย ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ราคาถูกมาก แต่คนกลับไม่เอากัน” 

ว่าแล้วร้านจิวเวลรี่ร้านนั้น ก็ส่ายหน้าแล้วคืนพลอยกลับมา

.

🎈บางคนก็มักถามกันตรงๆก่อนเลยว่า “เป็นพลอยเขียวเผาใช่ไหม? เพราะไม่ซื้อ” และบางคนก็เรียกพลอยแบบนี้ว่า “พลอยเผาใหม่” ก็มี



📍คำว่า “พลอยเผาใหม่” เคยถูกใช้เรียกกับ “พลอยเผา Be” ในช่วงยุคแรก เพราะยุคนั้นถือเป็นการเผารูปแบบใหม่ของวงการพลอย

.

แต่ต่อมาเมื่อมีการค้นพบ “การเผาพลอยแบบอุดแก้วตะกั่ว (Lead glass filled -Pb)” แล้ว

คำว่า “พลอยเผาใหม่” จึงถูกเปลี่ยนมาใช้กับ “พลอยเผาอุดแก้วตะกั่ว” แทนจนถึงทุกวันนี้ 

📌 ส่วนการเผาพลอยบุษย์จันท์ จึงมักถูกเรียกว่า “เผาเบอริเลียม หรือเผา Be” แทน

.

🎈ถึงตรงนี้ คงทำให้ทุกท่านสรุป และย้อนคิดเหตุการณ์ที่ทำให้พลอยบุษย์จันท์ หรือที่บางคนเรียก “พลอยเขียวเผา” ซึ่งในยุคสมัยนั้นยังเป็นพลอยที่มีราคาถูก


📍ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ

🔹 ตลาดยังไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะยังไม่มีองค์ความรู้ว่ามีที่มา วิธีการอย่างไร ใช่วิธีซ่านสี Diffusion หรือไม่?

.

ที่สำคัญคือ “สีของพลอย” ก็ยังไม่มีบทพิสูจน์ว่า จะคงทนถาวรนานแค่ไหน?

.

เมื่อเกิดกระแสการไม่ยอมรับในวงกว้าง จึงทำให้ราคาร่วงต่ำกว่าความเป็นจริง

.

🔹 วัตถุดิบ (*พลอยเขียวส่อง) ซึ่งเป็นต้นทุนหลัก มีอยู่มากมายก่ายกอง เพราะคนไม่นิยมสะสมมาแต่อดีต มักถูกคัดออก คัดทิ้งจากกองพลอยที่ขุดเจออยู่เป็นประจำ ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการทำพลอยถูกลงอย่างมาก

แต่มีอีกสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่งคือ

🎈“ภูมิปัญญาการเผาพลอย Be” ที่คิดค้นโดยคนจันท์ ผู้ซึ่งเสมือนนักทดลองที่เก่งในภาคสนาม

.

เมื่อสามารถคิดค้น และพิสูจน์ผลงานด้วยการเผาพลอยด้วย Be จนปรากฎพลอยสวยๆออกมาสู่ตลาดโลกได้แล้ว

.

แต่กลับไม่สามารถเพิ่มมูลค่าพลอยจากนวัตกรรมความคิดตน และไม่สามารถเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นได้เลย

🎈 และแล้วเวลาที่ผ่านไป.... ก็ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึง “คำตอบสุดท้าย”

หลังจากเมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายปี

.

📍การพิสูจน์เรื่อง “ความคงทนถาวรของสีพลอย” เริ่มชัดเจนขึ้น

.

⭕️ ผมดีใจที่ได้เห็นห้องแลปหลายๆสถาบันในประเทศ ได้ร่วมออกมาพิสูจน์ จนกล้าระบุความคิดเห็นในใบเซอร์อย่างชัดเจนว่า

.

“The colour is stable”

“The colour is permanent”


(สีของพลอย มีความคงทน ไม่เปลี่ยนแปลง)

.

.

📍การพิสูจน์ต่อมาที่พบว่า “รอยจ้ำเขียว” ที่เห็นไม่ได้เกิดจากการเผาแบบใส่สี หรือ ทำกรรมวิธีที่คล้ายการ Diffusion (คือไม่ได้ซ่านสีจากแหล่งสีภายนอกเข้าไป)

.

ก่อนอื่นต้องทราบว่า…

การเผาพลอยแบบปกตินั้น

“ความร้อนจะเริ่มต้นแผ่จากภายนอก (*คือเบ้าเผา) เข้าสู่ภายในตัวพลอยอยู่แล้ว”

⭕️ ดังนั้นเมื่อนำพลอยมาเผาที่อุณหภูมิสูงโดยมีธาตุ Be เป็นตัวเร่งปฏิกิริยานั้น (เผา Be)

.

ขณะที่ตอนเผาพลอยยังไม่เสร็จดี (*คือยังไม่ถึงรอบเวลาเสร็จของ “เชื้อสีพลอย” ในเบ้านั้น)

.

📌 แต่คนเผาพลอยกลับหยุดการเผาซะก่อน นั่นหมายถึงการหยุดพัฒนาเรื่อง “สีของพลอย” ไปในตัว จึงทำให้เกิด

”การเผาพลอย Be ที่ไม่สมบูรณ์”

📍ดังนั้นการมองเห็นร่องรอย “จ้ำเขียว” ที่อยู่ในเนื้อพลอยสีเหลือง ซึ่งพบบริเวณกลางเม็ดพลอย

.

ก็ย่อมเป็นไปตามหลักของการแผ่ความร้อนที่ออกจากเบ้าเผา แล้วค่อยๆขยายแผ่เข้าสู่ตัวพลอยนั่นเอง

.

.

📍ความที่ Be เป็นธาตุที่ไม่มีสี (ไร้สี) จึงไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นตัว “แม่สี” ที่แพร่ผ่านเข้าไป

.

หรือแม้ว่าเราจะนำพลอยหลายสี หลายชนิด มาลองเผาในเบ้าเผาพลอยเดียวกัน และเผาไปพร้อมๆกัน ก็จะไม่ปรากฏว่ามีสีใดสีหนึ่งที่สามารถข้ามผสมสีกับสีของพลอยอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงได้

.

.

การพิสูจน์สิ่งต่างๆเหล่านี้ ย่อมทำให้ตลาดเริ่มกลับมายอมรับ “พลอยเผา Be” กันอีกครั้ง

.

📍ซึ่งต่อมาห้องแลปต่างได้เปลี่ยนการระบุความคิดเห็นในใบเซอร์ใหม่ว่า

“This stone has been enhanced by heat process with light element”

(พลอยเม็ดนี้ได้เผาด้วยธาตุเบา ~ธาตุเบา คือธาตุ Be นั่นเอง)

🎈ผมเองก็เคยได้มีโอกาสคุยกับผู้เผาพลอยที่เคยเผาพลอย Be ในยุคแรกๆเช่นกัน

.

เราพูดคุยกันจนได้ถามความในใจเขาว่า

.

“คิดว่าปัญหาในตอนนั้นเป็นยังไง? แล้วถ้าย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้ ควรทำแบบใด?”

.

.

🎈ในมุมของผู้เผาพลอย Be เอง มองว่า

“ณ. เวลานั้น ถึงแม้จะมีผู้รู้สูตรการเผา Be อยู่แค่เพียงไม่กี่คน แต่ทุกคนต่างเร่งพัฒนาสูตรเผาพลอยของแต่ละคนแข่งกับเวลา เพราะเวลาเป็นเงิน เป็นทอง

เผาออกมาเท่าไหร่มันก็ขายหมด วัตถุดิบก็มีมากมายก่ายกอง เผาเสียเผาไม่เสร็จก็มีราคา

แต่พอพลอยออกมาสู่ตลาดมากเกินไปนี่สิ... มันเลยเป็นปัญหา‼️ 

เพราะพลอยบุษย์ มันออกมาเยอะจนผิดสังเกต (*พลอยก้อนเขียวส่องมีเยอะ)

📌 ตลาดเลยมาตื่นว่า… 
นำไปทำสีพลอยมาเปล่า? ทำไมมันมีให้หาซื้อกันได้เรื่อยๆ

🎈แต่พอคิดว่า... 
ถ้าจะกลับไปแก้สถานการณ์กันใหม่ ก็คงต้องคุมปริมาณการเผาให้พลอยออกมาได้น้อยลง แบบไม่ผิดสังเกต 
.
แต่จะคิดยังไง ก็ทำไม่ได้ เพราะทุกคนเห็นเงินมากองอยู่ตรงหน้าแล้ว... แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ มันก็ต้องเดินหน้าต่อ”

.

🎈จากเรื่องราวที่เกิดในวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านไปยี่สิบปี


📍กาลเวลาจึงเป็นบทพิสูจน์ราคาพลอยบุษย์จันท์ ที่มาจากพลอยเขียวส่องเผา ว่ามีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความนิยม และการยอมรับของตลาด จนพลอยเขียวส่องที่เป็นวัตถุดิบหลัก เริ่มลดลงจนถึงขั้น...

‼️ เริ่มขาดแคลน

🎈ใครเลยจะเชื่อว่า จะมีวันนี้ที่เราได้เห็นราคาพลอยเขียวส่องทะยานขึ้นสูง จากที่เคยถูกทิ้งขว้าง หรือคัดออกจากกองพลอย แจกเพื่อนฝูงกัน


และแน่นอนที่น่าเชื่อว่า...ในเวลาอีกไม่นานต่อจากนี้

📌 “พลอยบุษย์จันท์ (เขียวเผา) คงเป็นพลอยในตำนาน เช่นเดียวกับพลอยทับทิมสยามที่จากไป...”

.

🎈ผมพยายามนำเสนอเรื่องราวจากประสบการณ์จริงที่ได้เจอในช่วงเวลานั้น


บางคนแอบสงสัย…

ทำไมผมจึงจำเหตุการณ์ได้ละเอียดขนาดนั้น...

.

นั่นเพราะการต่อภาพจิ๊กซอว์ที่เกิดจากการได้พูดคุยไม่ว่าจะเป็น

.

🔹 ผู้เผาพลอย Be ในยุคแรกๆโดยตรง

🔹 นักอัญมณีศาสตร์ผู้ออกใบเซอร์ในห้องแลป

🔹 การถามผู้รู้ ผู้ใหญ่แต่ละท่านที่อยู่ในวงการพลอยในมุมต่างๆ รวมถึง

🔹 ประสบการณ์การเป็นพ่อค้าพลอยของตัวผมเองที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วงจังหวะนั้น เวลานั้นพอดี

.

🎈ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทุกข้อมูลที่ท่านเหล่านั้นได้เคยให้ และเคยสนทนาด้วย

.

จนสรุปเป็นข้อมูลอันทรงคุณค่าในบทความนี้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้กัน

.

🎈ขออภัยที่ไม่สามารถสรุปเนื้อหาให้สั้นลงได้มากนัก เพราะจะขาดช่วงขาดตอนสำคัญไป จึงทำให้บทความนี้ยาวเป็นพิเศษ

.

แต่ก็หวังว่าทุกคนคงได้รับประโยชน์จากบทความนี้กันนะครับ


💕ถ้าท่านได้อ่านมาจนครบ โปรดช่วยแนะนำ เสนอแนะ ว่าอ่านแล้วรู้สึกอย่างไรกับงานเขียนชิ้นนี้ อาจจะยาวไป น่าเบื่อ ไม่เข้าใจ comment กันตรงๆเข้ามาได้ ผมยินดีรับฟังเพื่อประโยชน์ต่อการจัดทำบทความในครั้งถัดๆไป 👇




💢Copyright ©2021 “น้ำหนึ่งเจมส์”


น้ำหนึ่งเจมส์

สมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับ จันทบุรี

สมาชิกกรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์


"ความสุขของคุณ คือความภูมิใจของเรา"


Commentaires


bottom of page