top of page
รูปภาพนักเขียนGems Story น้ำหนึ่งเจมส์

ย้อนรอยความทรงจำเหล่านักสะสมพลอยในอดีต ที่สะสมพลอยเมื่อกว่า 50 ปี


ย้อนนึกถึงเรื่องราวความทรงจำสมัยวัยเด็ก ที่นักสะสมพลอยรุ่นคุณพ่อ คุณลุง รวมถึงผู้ใหญ่ในวงการพลอย ที่เคยเล่าให้ฟังถึงการสะสมพลอยเมื่อกว่า 50 ปีก่อน ซึ่งพอจะจับความได้ว่า

ในยุคนั้นสมัยนั้น พลอยที่เขาสะสมกัน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพลอยดิบ หรือพลอยสดกันทั้งนั้น เพราะพลอยเผาในสมัยก่อน ยังไม่มีใครได้ทำได้กัน

พอตอนซื้อก็แค่ตรวจเช็คพลอยว่า พลอยแท้ พลอยเก๊ เป็นเนื้อแข็ง เนื้ออ่อน แล้วก็ให้ราคากัน


แต่ละคนดูพลอยด้วยความชำนาญ ซื้อขายด้วยความไว้วางใจทั้งสิ้น เรียกว่าแทบไม่ต้องส่งพลอยเข้าตรวจในห้องแลปเหมือนอย่างปัจจุบัน (ห้องแลปในสมัยนั้นต่างก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก)


ส่วนราคาพลอย ก็เป็นไปตามความพอใจ และล้วนยอมรับกัน สมัยนั้นพลอยยังมีเยอะ บางคนพูดคุยถูกคอก็มีแถม มีให้กันไปเลยก็มี

"ยิ่งหน้าฝน เมื่อฝนเทลงมาเมื่อไหร่ พอน้ำชะหน้าดินออกไป ยามแดดออก ก็ส่องเห็นเม็ดพลอยระยิบระยับอยู่เกลื่อนกลาดเต็มถนนไปหมด"

📌ในช่วงเวลาไล่เลี่ยนี้นี่เอง ก็เป็นช่วงที่ “การเผาพลอย”(เผาแบบเก่า) เริ่มถูกค้นพบด้วยความบังเอิญ และโดยภูมิปัญญาชาวบ้านที่คลุกคลีอยู่กับพลอยในท้องถิ่น


ในช่วงนั้นต่างคนต่างหยิบจับเม็ดพลอยมาทดสอบ มาทดลองเผา จนเกิดการเรียนรู้ และพัฒนาสูตรการเผาพลอยให้เผาออกมาได้สวยงาม และต่างก็พยายามพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ


ครั้นพลอยเผา(แบบเก่า) เริ่มออกสู่ตลาดใหม่ๆ พลอยหลายๆรายการก็ถูกนำส่งตรวจยังสถาบันแลปที่อยู่ในต่างประเทศ


ทั้งนักอัญมณีศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันแลปในต่างประเทศเอง ต่างก็เดินทางเข้ามาตรวจสอบถึงกรรมวิธี “การเผาพลอย” ที่ว่านี้ เพราะถือเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญ และเกิดขึ้นใหม่ของโลก

จนที่สุดแล้วจึงได้ข้อพิสูจน์ และให้การรับรองว่า “สีของพลอย” ที่มาจากการเผา (เผาแบบเก่า) แบบนี้ มีความคงทน และสีพลอยไม่เปลี่ยนแปลง

จากวันนั้นเป็นต้นมา... 
“พลอยเผาเก่า” จึงได้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก และ “ความสวยงาม” ภายหลังการเผาก็ได้กลายเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้พบเห็นอยู่เสมอๆ

ความนิยมของพลอยเผาในช่วงนั้นจึงสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเชื่อว่า


📍กระบวนการเผาพลอย เป็นหนึ่งในกระบวนการที่สามารถดึงศักยภาพความสวยของพลอยเม็ดนั้น ออกมาให้ปรากฎได้อย่างเต็มที่


📍บางคนยังมีความเชื่อด้วยว่า

“เมื่อพลอยยังอยู่ใต้ดิน (ยังไม่ได้ถูกขุดพบ) เดิมทีก็ได้รับความร้อนที่อยู่ใต้โลก บ่มด้วยความร้อนธรรมชาติต่อเนื่องไปเรื่อยๆอยู่แล้ว”


การเผาพลอย ก็เป็นวิธีที่คล้ายๆกับการให้ความร้อนต่อเม็ดพลอยออกไปอีกเรื่อยๆเช่นกัน


จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ขุดพลอยแล้วจะนำมาเผา เพราะนี่ก็เป็นวิธีแบบธรรมชาติเช่นเดียวกัน

📌 ช่วงเวลานั้นจึงเป็นช่วง 
“ยุคทองของการสะสมพลอยเผากันทีเดียว”

‼️แต่กระนั้นก็ตาม…

ไม่ใช่พลอยเผาทุกเม็ดที่จะมีราคากัน บางครั้งเผาพลอยเสียก็มี เผาออกมาไม่สวยก็มี บ้างก็แตกระเบิดภายในเตาเผาก็มี


แต่หมู่คนที่สะสมพลอยในเวลานั้น ต่างก็เลือกคัดแต่เฉพาะพลอยสีที่สวย เนื้อพลอยที่ดีเก็บไว้

“พลอยที่เผาแล้วสวย คุณภาพดี จึงมีราคาซึ่งเทียบเท่ากับคุณค่าของพลอยเม็ดนั้นนั่นเอง”

นอกจากเรื่องความสวยพลอยตามที่เล่ามาแล้ว ยังพบอีกว่า

“ปริมาณพลอยที่เผาออกมาสู่ตลาด ยังมีแนวโน้มที่จะมีออกมาได้อีกมาก”

  • ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ปริมาณวัตถุดิบพลอยที่ใช้ในการเผามีมาก


ทั้งนี้เพราะพลอยที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการเผา ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพลอยที่มีคุณภาพระดับรองๆ ลงมา


และเดิมวัตถุดิบเหล่านี้ก็มีมากอยู่แล้วในตลาด รวมถึงยังมีราคาถูกกว่าด้วย


  • อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “มูลเหตุจูงใจ” ที่ทำให้คนอยากมาเผาพลอยกัน


เพราะเมื่อต้นทุน “พลอยก้อน” ที่มีคุณภาพรองนั้น มีราคาที่ถูกกว่า แต่พอเผาพลอยออกมาได้สวยก็ย่อมเรียกราคาขาย และมีกำไรงดงามทีเดียว


ดังนั้นต่างคนจึงต่างพัฒนาสูตรการเผาพลอยของแต่ละคน จนต่อมาเมื่อพัฒนาได้สูตรการเผาพลอยสำเร็จแล้ว ก็จะเก็บเป็นความลับ เป็นสูตรลับของตนไปเลย


จะถ่ายทอดอีกทีก็แต่เฉพาะคนในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น เพราะถือเป็นช่องทางทำมาหากินของแต่ละครอบครัวกัน


ผมยังเคยได้ฟังถึงเรื่องราวยุคเริ่มต้นของคนไทยที่เผาพลอยกันได้ใหม่ๆ จากเพื่อนชาวศรีลังกาที่ทำเหมืองพลอยอยู่ที่นั่นซึ่งเขาได้เล่าให้ฟังว่า

ในช่วงยุคสมัยนั้น คนไทยที่มาซื้อพลอยก้อนที่ศรีลังกา ส่วนใหญ่ก็มักมาซื้อแต่พลอยไพลิน ซีลอน สวยๆ และคัดเอาแต่พลอยคุณภาพดีๆ


แต่พอเป็นช่วงเวลานั้น สไตล์การซื้อของพ่อค้าพลอยคนไทยก็เปลี่ยนไป หันไปถามหาซื้อแต่พลอยสีอ่อนๆแทบขาวไปเลยก็มี


หรือไม่ก็ถามหาซื้อแต่พลอยกิวด้า (ซึ่งสมัยนั้นเป็นพลอยที่มีคุณภาพต่ำลงมา เพราะเป็นพวกพลอยที่มี “สีพลอยผสมเชื้อขุ่นขาว”)


และพลอยเหล่านี้ก็เป็นพลอยที่ทุกคนมักคัดออก และขายกันถูกๆในตลาด


"แรกๆพวกเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อค้าพลอยคนไทยถึงหันไปซื้อพลอยเหล่านี้…

แต่พอมารู้ทีหลังว่า คนไทยสามารถนำพลอยไปเผา จนสำเร็จได้พลอยออกมาสีสันสวยงาม และขายได้ราคาดี

ครั้นอยากคิดจะทำบ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเผากันอย่างไร เพราะไม่เคยมีความรู้เรื่องราวแบบนี้มาก่อน"

และเมื่อความสำเร็จจากการเผาพลอยให้สวยได้ ก็เพิ่มจำนวนพลอยสวยๆออกมาให้เห็นในตลาดได้เพิ่มขึ้น


วัตถุดิบซึ่งเป็นพลอยก้อนเหล่านั้น ก็ค่อยๆเริ่มลดลง ราคาวัตถุดิบจากต้นทางจึงค่อยๆปรับสูงขึ้น แถมยังมีอัตราการเผาที่เสียหายอีกด้วย


ปัจจัยเหล่านี้ก็ยิ่งส่งผลให้ต้นทุนการทำพลอยเผา และราคาปลายทางได้ขยับราคาสูงขึ้นอีกครั้ง


  • คนที่เคยซื้อ เคยสะสมพลอยที่ต้นทุนเก่าๆก็ยิ่งภาคภูมิใจถึงมูลค่าพลอยที่ตนเองสะสมได้เพิ่มมูลค่าขึ้น

  • ส่วนคนที่คิดอยากจะสะสมพลอยเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจเพราะเห็นราคาพลอยที่พุ่งพรวดขี้นมา และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขุดเจอที่ค่อยๆลดลง


และสุดท้ายในวันนี้ ราคาพลอยสวยๆก็ยังคงสูง และหายากมากขึ้นเหมือนเป็นเช่นวันนั้นอีกครั้ง


📍นี่จึงเป็นการย้อนรอยเรื่องราวการสะสมพลอยสวยที่มีมาแต่อดีต


และพอจะย่อสรุปจากประสบการณ์คนสะสมที่ใช้เวลาสะสมพลอยมายาวนานกว่าค่อนชีวิต ให้เหลือเพียงบทสรุปสั้นๆว่า

“สะสมพลอยเพื่อเพิ่มมูลค่าตามเวลา จำเป็นต้อง

🔹สะสมพลอยที่นิยม และเป็นที่ยอมรับในตลาด (เพราะทุกคนต้องการ)

🔹คัดเลือกสะสมแต่เฉพาะพลอยสวย คุณภาพดี (เพราะทุกคนยิ่งต้องการ)
เมื่อยังมีความต้องการ… พลอยเม็ดนั้นจึงยังมี “คุณค่า”
และเพียงคุณเฝ้ารอเวลาว่าเมื่อขุดพบเจอ หรือมีวัตถุดิบน้อยลง แน่นอนที่ว่า ราคาย่อมสูงขึ้น จนคุณรู้สึก “คุ้มค่าต่อการลงทุน”

#ลงทุนกับความสุขที่เก็บได้นาน


น้ำหนึ่งเจมส์


รับรองสมาชิกโดย

#สมาคมผู้ค้าอัญมณี และเครื่องประดับ จันทบุรี

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์



#น้ำหนึ่งเจมส์ #nngjewelry #น้ำหนึ่งเจมส์เล่าประสบการณ์

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page